บริษัท จันวาณิชย์ จำกัด
เกี่ยวกับเรา

จันวาณิชย์ฯ เริ่มต้นธุรกิจพิมพ์สิ่งพิมพ์ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2464 โดยในสมัยนั้น ใช้ชื่อว่า “โรงพิมพ์จันหว่า” ด้วยวิสัยทัศน์และปรัชญาการดำเนินธุรกิจที่ยึดถือความซื่อสัตย์ ขยันหมั่นเพียร ความใส่ใจในวิชาชีพที่สร้างความแตกต่างในธุรกิจสิ่งพิมพ์ จึงมีการนำเทคโนโลยีคุณลักษณะป้องกันการปลอมแปลงเอกสาร (Security Document Printing) มาใช้ในกระบวนการพิมพ์ซึ่งถือเป็นการนำเข้าและได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการพิมพ์ที่นำสมัยมากในยุคนั้น ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2

“โรงพิมพ์จันหว่า” เป็นโรงพิมพ์ที่ได้รับการยอมรับและได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาลไทยให้เป็นผู้พิมพ์และผลิตธนบัตรใบละ 1 บาท ถือได้ว่าเป็นความสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง หลังจากนั้น ก็ได้รับงานพิมพ์สำคัญๆ ต่อมาอีกมากมาย ยิ่งเป็นการตอกย้ำในด้านความซื่อสัตย์ และความไว้ใจจากหลายหน่วยงาน อาทิเช่น พิมพ์สลากกินแบ่งสารณกุศลให้แก่รัฐบาล ได้รับความไว้วางใจให้พิมพ์เช็คที่ใช้กับเครื่องอ่าน MICR เป็นครั้งแรกในประเทศไทย

ในปี พ.ศ. 2518 เกิดความเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคแห่งความทันสมัย ในการเปลี่ยนชื่อบริษัทจาก โรงพิมพ์จันหว่า เป็น บริษัท จันวาณิชย์ จำกัด เพื่อให้มีความทันสมัยมากขึ้นและพัฒนาการพิมพ์ สิ่งพิมพ์ขึ้นมาตามลำดับ

ในปี พ.ศ. 2533 ได้เพิ่มชื่อเป็น บริษัท จันวาณิชย์ ซีเคียวริตี้ พริ้นท์ติ้ง จำกัด เพื่อแยกประเภทธุรกิจให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับงานพิมพ์ป้องกันปลอมแปลง อาทิ หนังสือเดินทางไทย ไปรษณียบัตร และเอกสารทางราชการอีกมากมาย โดยได้ย้ายโรงพิมพ์ที่สีลมไปยังโรงพิมพ์ใหม่ที่ ถนนสุขสวัสดิ์ อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ

ในปี พ.ศ. 2546 จุดเริ่มต้น ธุรกิจแบบครบวงจร (Business Outsourcing Services) จากการวางพื้นฐานความเข้าใจ ในด้านอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งในส่วนงานของโรงพิมพ์ และระบบ IT ประกอบกับวิสัยทัศน์ที่ไม่หยุดนิ่งของทีมผู้บริหาร พร้อมที่จะปรับเปลี่ยนเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต แนวคิดในการพัฒนาสิ่งพิมพ์พร้อมระบบ และการให้บริการจึงเกิดขึ้น จากการใส่ใจลูกค้า และพร้อมที่จะพัฒนาไปกับลูกค้าสู่อนาคตนั้น บริษัทฯ ได้เป็นส่วนหนึ่ง ในการพัฒนาระบบหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Passport) ของไทย

ได้ขยายช่องทางธุรกิจ เข้าสู่การพิมพ์บัตรพลาสติก และการผลิตบัตรสมาร์ทการ์ด (Chip Card) รวมถึงบัตรเครดิตแบบสมาร์ทการ์ด (EMV) ให้กับลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ถือเป็นช่วงการเติบโตที่เข้าสู่ยุคการเปลี่ยนแปลงให้ก้าวทันต่อความเปลี่ยนแปลงของโลก

ในปี พ.ศ. 2548 ได้ผลิตเล่มหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Passport) แบบฝังชิพ ให้แก่กระทรวงการต่างประเทศ สำเร็จเป็นประเทศแรกในเอเชีย และเป็นประเทศที่ 5 ของโลก ที่มีการนำเทคโนโลยีการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล ด้วยข้อมูลด้านชีวภาพ (Biometric) มาใช้โดยการเก็บลายนิ้วมือ และภาพใบหน้า เพื่อการป้องกันการปลอมแปลงข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงการพัฒนารูปแบบเล่มหนังสือเดินทาง ให้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น และพัฒนาระบบการ ให้บริการหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด ถือเป็นต้นแบบการใช้บริการ Outsourcing จากเอกชนฯ ที่ได้รับความชื่นชมจากประชาชนในด้านการให้บริการที่สะดวก และรวดเร็ว ตลอดจนหน่วยงานราชการทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ที่ได้มาศึกษา และดูงานในการให้บริการหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์แก่ประชาชน ณ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ถือเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจ ที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบงาน e-Passport ให้ทัดเทียมกับต่างประเทศ โดยคนไทยเพื่อคนไทย นอกจากนี้ยังได้จัดทำระบบอื่นๆ เช่น ระบบข้อสอบอิเล็กทรอนิกส์ ให้แก่กรมการขนส่งทางบก โดยใช้ระบบบัตรสมาร์ทการ์ดมาใช้ในการเข้าสอบ เพื่ออำนวยความสะดวกรวดเร็วให้กับผู้สอบ และป้องกันการทุจริตในการสอบ ตลอดจนการสอบด้วยเครื่องสอบอัตโนมัติ ทำให้ผู้สอบสามารถทราบผลสอบหลังจากการสอบเสร็จได้อย่างรวดเร็ว

ในปี พ.ศ. 2551 ได้ขยายกิจการไปทั้งตลาดในประทศ และต่างประเทศ จึงได้ร่วมทุนเปิดบริษัท MCT Cards and Technologies Private Limited เพื่อดำเนินธุรกิจด้านการผลิตบัตรพลาสติก ขึ้นในประเทศอินเดีย ทำให้บริษัทฯ มีต้นทุนที่ลดลง กำลังการผลิตเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังได้เรียนรู้การบริหารงานที่เป็นสากลมากขึ้น สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับ การบริหารงานในประเทศไทยได้

ในปี พ.ศ. 2552 ได้เริ่มแตกไลน์ธุรกิจในการผลิตบรรจุภัณฑ์ (Packaging Printing Service) เมื่อสิ่งพิมพ์เริ่มที่จะอิ่มตัว เทคโนโลยีทางด้านดิจิตอล เข้ามามีบทบาทมากขึ้น แต่จำนวนประชากรที่เพิ่มมากขึ้น แนวโน้มโลกที่ยังต้องการอาหาร เครื่องดื่ม และยารักษาโรค สิ่งสำคัญที่ยังขาดไม่ได้คือบรรจุภัณฑ์ จึงได้มีการเปิดโรงงานแห่งที่ 2 ที่นิคมสินสาคร จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อรองรับงานพิมพ์ด้านบรรจุภัณฑ์ขึ้น โดยยังคงแนวคิดในการพิมพ์ที่ไม่เหมือนใคร (Unique Printing Service) ด้วยการลงทุนเครื่องจักรที่ทันสมัย และการใช้เทคโนโลยีการพิมพ์แบบพิเศษ โดยมีผลงาน เช่น บรรจุภัณฑ์ยา บรรจุภัณฑ์อาหาร เครื่องสำอาง เช่น P&G และเครื่องดื่ม

ในปี พ.ศ. 2555 เกิดการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ทางธุรกิจที่สำคัญคือ บริษัทฯ ได้เริ่มขยายแตกไลน์ธุรกิจใหม่ (Diversification) ที่แตกต่างจากธุรกิจสิ่งพิมพ์ป้องกันการปลอมแปลง (Printing Service) ธุรกิจด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT service) และธุรกิจด้านบรรจุภัณฑ์ (Packaging service) ซึ่งจะเจาะกลุ่มลูกค้า แบบ B2B (Business to Business) โดยเน้นกลุ่มลูกค้าราชการ และองค์กรต่างๆ มาบุกตลาดใหม่ในธุรกิจใหม่ แบบ B2C (Business to Customer) เน้นกลุ่มลูกค้าผู้บริโภค ภายใต้ ชื่อบริษัท เคบีเอ็ม กู๊ดวิล จำกัด โดยการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ การผลิตและจำหน่ายเครื่องสำอาง รวมถึงอาหารเสริม ภายใต้แบรนด์ ‘โพสิทิฟ’ (Positif) โดยเน้นการผลิตที่มีคุณภาพ และมีมาตรฐานจากประเทศญี่ปุ่น

ปี พ.ศ. 2557 ได้เปิดบริษัท พาบุญมา ครีเอทิฟ โซลูชั่น จำกัด ขึ้นเพื่อรับผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ดิจิทัลสร้างสรรค์ สำหรับหน่วยงานรัฐบาล และเอกชนต่างๆ เป็นการเปิดโลกการเรียนรู้ด้วยสื่อดิจิตอล อาทิเช่น e-Learning , content on web, และสื่อประชาสัมพันธ์ต่างๆ เพื่อเพิ่มช่องทางให้ลูกค้าอีกช่องทางหนึ่ง

ปี พ.ศ. 2560 ได้จัดตั้งศูนย์นวัตกรรมจันวาณิชย์ขึ้นเพื่อสนับสนุนความร่วมมือการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีร่วมกับกลุ่มบริษัทจันวาณิชย์ โดยมุ่งเน้นไปที่อุตสาหกรรมการแพทย์และสุขภาพ อุตสาหกรรมการพิมพ์และอุตสาหกรรม 4.0 รวมทั้งการยกระดับทักษะความรู้ความสามารถในทักษะแห่งอนาคต ตลอดจนบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญาและการถ่ายทอดองค์ความรู้กระบวนการคิดและสร้างนวัตกรรมให้กับองค์กร รวมทั้งการสร้างเครือข่ายนวัตกรรมและวัฒนธรรมนวัตกรรมทั้งภายในและภายนอกองค์กร ผลงานนวัตกรรมที่ผ่านมา (Innovation Portfolio) อาทิ โครงการ Transportation Management System ระบบบริหารจัดการงานขนส่งในอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ ร่วมกับ DEPA และ สวทช. โครงการ Thailand Health Data Space ร่วมกับ มหวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยนเรศวรและ กสทช. โครงการ Genome Library and Services ร่วมกับ ศูนย์จีโนมทางการแพย์ มหาวิทยาลัยมหิดล